วันสำคัญทางศาสนาอิสลาม

๑. วันอีดิ้ลอัฎฮา สิ่งที่ควรปฏิบัติในวันอีด ๑. อาบน้ำ พรมน้ำหอม และ ใส่เสื้อผ้าที่ดีและสวยที่สุด ๒. รับประทานอาหารเล็กน้อย ก่อนออกไปละ หมาดอีดิ้ลฟิตริ่ ๓. ให้กล่าวสรรเสริญความเกรียงไกรแห่งอัลลอฮ์ ๔. ให้ออกไปยังสถานที่ละหมาดทางหนึ่ง และ เดินกลับอีกทางหนึ่ง ๕. ให้ละหมาดอีดทั้งสองกลางแจ้ง ๖. ให้อวยพรและขอโทษซึ่งกันและกัน โดย กล่าวว่า “ตะก๊อบบะลัลลอฮุ่ มินนาวะมินกุม” ๗. ให้มีการกิน การดื่ม และรื่นเริงได้ในกรอบ ของศาสนา

๒. วันตัชรีกหรือตัซเรค คือวันที่ ๑๑, ๑๒ และ ๑๓ ของเดือนซุลฮิจยะห์ เป็นช่วงวันที่ ๒, ๓ และ ๔ ของอีดิ้ลอัฎฮา

๓. วันขึ้นศักราชใหม่อิสลาม การกำหนดปีฮิจเราะห์ศักราช ท่านศาสดามุฮัมมัดได้อพยพไปถึง นครมะดีนะห์ในวันจันทร์ที่ ๑๒ เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล ตรงกับวันที่ ๒๒ กันยายน ค.ศ. ๖๒๒ ขณะเดียวกันก็ได้มีการคัดเลือกให้เดือน มุฮัรรอมเป็นเดือนแรกของศักราช โดยเหตุนี้จึงทำให้ปี ฮิจเราะห์มีมาก่อนการอพยพของท่านศาสดามุฮัมมัด ที่แท้จริงเป็นเวลา ๑ เดือน ๑๒ วัน

๔. วันอาชูรออ์ คือวันที่ ๑๐ ของเดือนมุฮัร รอม เป็นวันที่ท่านศาสดามุฮัมมัด ได้ถือศีลอดและส่งเสริมให้มุสลิม ปฏิบัติตาม และให้ถือศีลอดในวันที่ ๙ มุฮัรรอม อีกหนึ่งวัน

๕. วันเมาลิดนบี (วันคล้ายวันเกิดของท่านศาสดา มุฮัมมัด) คือวันจันทร์ที่ ๑๒ เดือนร่อ บีอุ้ลเอาวัล ตรงกับวันที่ ๒๐ เมษายน ค.ศ. ๕๗๑ (พ.ศ. ๑๑๑๔) และท่านได้เสียชีวิตในวันจันทร์ที่ ๑๒ เดือนร่อบีอุ้ล เอาวัล ฮ.ศ. ๑๑ ตรงกับวันที่ ๑๑ มิถุนายน ค.ศ. ๖๒๓ (พ.ศ. ๑๑๗๖) รวมอายุได้ ๖๓ ป

๖. วันเมี๊ยะราจ คือวันที่ ๒๗ ของเดือนร่อญับ เป็นวันที่ท่านศาสดามุฮัมมัดได้เดิน ทางจากนครมักกะห์ไปยังมัสยิด อัลอักซอ กรุงเยรูซาเล็ม ประเทศปาเลสไตน์ หลังจาก นั้นได้ขึ้นยังฟ้าชั้นที่เจ็ด เพื่อรับโองการการละหมาด ๕ เวลา จากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

๗. วันอีดิ้ลฟิตริ ท่านศาสดามุฮัมมัดได้ส่งเสริม ให้ล่าช้าในการละหมาดอีดิ้ลฟิตริ (อีดเล็ก) เพื่อจะได้มีเวลาแจกจ่าย ซะกาตฟิตเราะห์ก่อนละหมาด (จ่ายข้าวสารหรือ อาหารพื้นเมืองแก่คนยากจนตามที่ศาสนากำหนด) ให้ คนยากจน และให้ปฏิบัติตนเหมือนเช่นการปฏิบัติตน ให้อีดิ้ลอัฎฮาทุกประการ

๘. วันจันทร์และวันพฤหัสบดี ท่านศาสดามุฮัมมัด กล่าวว่า “การงานจะถูก นำเสนอ ณ อัลลอฮ์ ในทุกวันจันทร์และ วันพฤหัสบดี ดังนั้น ฉันจึงชอบที่จะให้การงานของ ฉันถูกนำเสนอ โดยที่ฉันถือศีลอด”

๙. วันศุกร์ ท่านศาสดามุฮัมมัด กล่าวว่า “ผู้ใดที่อาบน้ำ ละหมาด โดยเขาอาบน้ำละหมาด อย่างดี แล้วไปละหมาดญุมะอะห์ (วันศุกร์) และฟังคุฎบะห์ (ธรรมกาถา) โดยสงบนิ่ง เขาจะได้รับการอภัยโทษ ระหว่างวันศุกร์นั้นและวันศุกร์ต่อไป และเพิ่มอีก ๓ วัน และผู้ใดที่ลูบคลำเม็ดหิน (ไม่สนใจฟัง คุฎบะห์) แท้จริง เขาทำให้ผลบุญในการละหมาด วันศุกร์เป็นโมฆะ”

เดือนในปฏิทินอิสลามทั้ง ๑๒ เดือน ได้แก่ ๑. มุฮัรรอม ๒. ซอฟัร ๓. ร่อบีอุลเอาวาล ๔. ร่อบีอุลอาคิร ๕. ญุมาดัลเอาวัล ๖. ญุมาดัลอาคิร ๗. รอญับ ๘. ชะอ์บาน ๙. รอมฎอน ๑๐. เชาวาล ๑๑. ซุลเก๊าะดะห์ ๑๒. ซุลฮิจยะห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น